5 วิธีสร้างยอดขายให้ฟิตเนส ด้วยระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ | FitUP
05 พ.ค. 2023 04:45 น.

5 วิธีสร้างยอดขายให้ฟิตเนส ด้วยระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ | FitUP

ธุรกิจฟิตเนสในยุคนี้ไม่ได้แข่งขันกันแค่เรื่อง “อุปกรณ์” หรือ “เทรนเนอร์” อีกต่อไป เมื่อเทรนด์สุขภาพเติบโตอย่างรวดเร็ว ฟิตเนสเปิดใหม่จำนวนมากทำให้การแข่งขันเข้มข้น เจ้าของฟิตเนสจึงต้องมองหาวิธีเพิ่มยอดขาย และสร้างความแตกต่าง และหนึ่งในเครื่องมือสำคัญคือ ระบบบริหารจัดการฟิตเนส (Fitness Solution Software) ที่ช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้า ทำการตลาดได้ตรงจุด และบริหารทีมขายอย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบบริหารจัดการฟิตเนส คืออะไร

ระบบบริหารจัดการฟิตเนส คือ แพลตฟอร์ม หรือซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้เจ้าของฟิตเนสสามารถ “จัดการทุกอย่างในที่เดียว” ตั้งแต่การขายแพ็กเกจ, การเก็บข้อมูลสมาชิก, การจองคลาส, การเช็กอินเข้าใช้บริการ ไปจนถึงการดูรายงานยอดขาย และพฤติกรรมลูกค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ควบคุมทุกอย่างได้อย่างเป็นระบบ โดยไม่ต้องพึ่งเอกสารหรือข้อมูลกระจัดกระจาย

โดย FitUP เองได้ออกแบบและพัฒนาระบบริหารจัดการฟิตเนสที่สามารถรวมทุกฟังก์ชันไว้ในระบบเดียว

  • จัดการสมาชิก และแพ็กเกจครบในที่เดียว

  • จัดตารางคลาสสอน ตารางเทรนเนอร์ ระบบจองคิว

  • จัดการพนักงาน ข้อมูลสินค้า ใบเสร็จและบัญชีต่างๆ

  • ลูกค้าสามารถ จองคลาส/เทรนเนอร์ผ่าน LINE OA ได้ทันที

  • ระบบเช็กอินด้วย QR Code รวดเร็ว ไม่ต้องใช้บัตร

  • มี Trainer Mobile App ติดตามผลการเทรนโดยละเอียด

  • Dashboard รายงานยอดขาย & วิเคราะห์ลูกค้า ดูได้แบบเรียลไทม์

5 วิธีสร้างยอดขายฟิตเนสแบบง่ายๆ

1. รู้จักกลุ่มลูกค้าของฟิตเนสของตัวเองอย่างละเอียด

หัวใจของการขายไม่ใช่การพูดเก่ง แต่คือ “การเข้าใจลูกค้าให้ลึกพอ” กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการฟิตเนสในปัจจุบันมีช่วงอายุที่ค่อนข้างหลากหลาย เราสามารถเห็นสมาชิกในฟิตเนสตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงผู้สูงอายุ ทั้งยังมีเหตุผลในการเข้าใช้บริการที่ต่างกันอีกด้วย เช่น ต้องการมีสุขภาพที่ดี ต้องการลดน้ำหนักหรือต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อ นอกเหนือไปจากความต้องการข้างต้น ทางฟิตเนสยังต้องคำนึงถึงปัญหาสุขภาพของสมาชิกแต่ละคน เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนารูปแบบคลาส การออกกำลังกายภายในฟิตเนส เพราะหากคุณเข้าใจกลุ่มลูกค้าของคุณอย่างแท้จริงแล้ว คุณจะสามารถพัฒนาฟิตเนสเพื่อให้ตอบโจทย์ได้ตรงจุดมากขึ้นเท่านั้น

วิธีง่ายๆ ที่สามารถช่วยเก็บข้อมูลจากกลุ่มลูกค้าตัวจริง

  1. ทำแบบสอบถามกับสมาชิก เพื่อถามถึงความต้องการ ความพึงพอใจ ของการเข้าใช้บริการฟิตเนส หรือให้สมาชิกเสนอแนะสิ่งที่พวกเขาอยากจะให้เป็น

  2. พูดคุย สอบถามข้อมูลเบื้องต้น ณ ตอนสมัครสมาชิก เช่นสอบถามเรื่องเป้าหมาย จุดประสงค์ที่เข้าใช้บริการฟิตเนสและปัญหาสุขภาพ เป็นต้น

เพียงเท่านี้ คุณก็จะเข้าใจความต้องการของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ที่สำคัญข้อมูลเหล่านี้จะสามารถช่วยให้คุณต่อยอดธุรกิจได้อย่างแม่นยำ

การเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบจึงสำคัญมาก ระบบบริหารจัดการฟิตเนสอย่าง FitUP มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณเก็บข้อมูลสมาชิกได้ครบ เช่น

  • เป้าหมายการออกกำลังกาย (ลดน้ำหนัก / เพิ่มกล้ามเนื้อ / สุขภาพ) หรือในระบบ เราเรียกกันว่า Goal Settings

  • ข้อมูลสุขภาพเบื้องต้น เช่น ภาวะโรคประจำตัว หรือระดับความฟิต

  • พฤติกรรมการใช้งาน เช่น การจองคลาส, การเช็กอิน

เมื่อเข้าใจข้อมูลเหล่านี้ คุณจะสามารถออกแบบโปรโมชั่น หรือคลาสออกกำลังกายที่ “โดนใจลูกค้า” ได้แม่นยำกว่าเดิม

2. ทำการตลาดทั้งออนไลน์

ในยุคที่ลูกค้าหาข้อมูลผ่านมือถือก่อนสมัครฟิตเนส การตลาดออนไลน์ คือ อีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นที่สุด การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักได้ ส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการทำการตลาด

ฟิตเนสสามารถใช้ช่องทางอย่าง Facebook, Instagram หรือ TikTok เพื่อสร้างการรับรู้ (Awareness) และเก็บรายชื่อลูกค้า (Lead Generation) ได้ ทั้งนี้ทางฟิตเนสอาจต้องเตรียมงบประมาณไว้สำหรับใช้ในการยิงโฆษณา หรือโปรโมทฟิตเนสของคุณผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้ โดยเลือกจุดประสงค์ในการทำโฆษณาครั้งนี้เป็นแบบ Lead Generation เพื่อให้มีคนติดต่อมาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับฟิตเนส หรือหากคุณต้องการทำใหฟิตเนสเป็นที่รู้จักก่อนก็สามารถเลือกจุดประสงค์เป็น Awareness ได้เช่นกัน

นอกเหนือการทำการตลาดออนไลน์ที่ได้ลูกค้าเข้ามาสนใจในฟิตเนสแล้ว การติดตามลูกค้าต่อจะช่วยเพิ่มโอกาสปิดการขายได้มากขึ้น ฟิตเนส 90% มักจะเลิกติดตามลูกค้าตั้งแต่ครั้งแรก และทำให้โอกาสในการปิดการขายลดลงอย่างน่าเสียดาย

ระบบบริหารจัดการฟิตเนสอย่าง FitUP เองมีระบบติดตามการขายให้กับลูกค้าที่ใช้บริการกับเรา เพราะผู้ใช้บริการฟิตเนส คือรายได้ช่องทางหลักของฟิตเนส ทำให้เราให้ความสำคัญของการติดตามลูกค้า เพื่อปิดการขาย โดยฟังก์ชันต่างๆ ที่เราได้ออกแบบมา เตรียมพร้อมสำหรับพนักงานขายอย่างเต็มที่

  • รายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน การติดตามลูกค้า หรือการตั้งเป้าหมายการขาย

  • การสร้างลูกค้าใหม่ (New Lead) และจัดการลูกค้าใหม่ เช่น สร้างนัดหมายสำหรับทดลองใช้งานฟิตเนส (Free Trial) หรือติดตามผลที่สามารถบันทึกไว้ในโน้ตได้เช่นกัน

  • การเพิ่มยอดการขาย (Up-Sell) เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า เช่น การโน้มน้าวเพื่อต่ออายุสมาชิก การต่อยอดเสนอขายแพ็คเกจเทรนเนอร์ หรือเสนอขายอุปกรณ์ต่างๆ

3. การใช้ Referral Program ร่วมกับระบบสมาชิก

การบอกต่อจากลูกค้าจริง คือ การตลาดที่ทรงพลังที่สุด อีกนัยหนึ่งคือการชักชวนหรือบอกต่อกันแบบปากต่อปาก (Word of Mouth) โดยการทำแบบนี้ ผู้ที่เป็นกระบอกเสียงในครั้งนี้จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนกลับไปด้วย เช่น ชักชวนเพื่อนมาสมัครฟิตเนส จะได้รับส่วนลดค่าฟิตเนส 50% ตลอดระยะเวลา 3 รอบบิล หรืออาจได้คอร์สฟรีอีก 1 เดือน เป็นต้น

ระบบบริหารจัดการฟิตเนส FitUP สามารถจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการบอกต่อ (Referral Source) ได้

  • เมื่อชวนเพื่อนมาสมัคร จะสามารถกรอกข้อมูลเกี่ยวกับผู้แนะนำได้

  • สมาชิกเก่าชวนเพื่อนสมัคร → ได้ส่วนลด 10%

  • สมาชิกใหม่ที่ถูกชวน → ได้คลาสฟรี 1 ครั้ง

หากฟิตเนสของคุณสามารถจัดโปรแกรม Referral และมีผลตอบแทนที่น่าสนใจให้แก่สมาชิกคนปัจจุบัน ก็จะสามารถช่วยเพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่ๆ ได้อีกทางหนึ่ง

4. รักษาลูกค้าเก่า (Retention) ด้วยระบบบริหารสมาชิก

หลายฟิตเนสมุ่งหาสมาชิกใหม่จนลืมว่า “ลูกค้าเก่าคือแหล่งรายได้ที่มั่นคงที่สุด” โดยสามารถเริ่มได้จากการให้บริการที่ดี และการดูแลอย่างใกล้ชิด มีความสนิทสนมและคอยซัพพอร์ทลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า สมาชิกของฟิตเนสได้รับการบริการอย่างดี

ระบบบริหารจัดการฟิตเนส FitUP ช่วยให้คุณเห็นได้ชัดเจนว่า

  • สมาชิกคนไหนใกล้หมดอายุ

  • ใครไม่เช็กอินเกิน 14 วัน ทำให้รู้แนวโน้มว่า สมาชิกคนนี้สนใจต่ออายุกับฟิตเนสเราไหม

  • สมาชิกคนไหนเข้าคลาสไหนบ่อยที่สุด หรือคลาสไหนยอดนิยม เพื่อทำการเปิดจองอีกครั้ง

คุณสามารถทำการตลาดผ่าน LINE OA โดยการส่งแจ้งเตือนอัตโนมัติผ่าน เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกต่ออายุ หรือกลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง และสร้างแรงกระตุ้นโดยการมอบสิทธิพิเศษให้แก่สมาชิกปัจจุบัน เช่น การเข้าคลาสฟรี 3 ครั้ง หรือส่วนลดในการต่ออายุสมาชิกครั้งถัดไป หากทำแบบนี้แล้ว สมาชิกจะมีความรู้สึกว่าตนเองได้รับการดูแลและเป็นลูกค้าคนสำคัญของทางฟิตเนส จึงทำให้มีโอกาสสูงขึ้นที่พวกเขาจะต่ออายุสมาชิก

5. ใช้ระบบ CRM ฟิตเนส ดึงลูกค้าใหม่และปิดการขายไวขึ้น

เจ้าของฟิตเนสอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า Customer Relationship Management (CRM) กันมาบ้าง แต่ก็อาจมีฟิตเนสบางส่วนที่ไม่คุ้นเคยกับคำนี้ CRM คือ ระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขาย และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวให้กับลูกค้า โดยระบบ CRM ที่ดีจะรวบรวมข้อมูลของลูกค้าไว้ตั้งแต่วันแรกที่ติดต่อเข้ามาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น ฝ่ายขายของทางฟิตเนสสามารถใช้ข้อมูลที่ลูกค้าเคยให้ไวอย่างเบอร์โทร หรืออีเมล ในการส่งข้อมูลข่าวสาร หรือโปรโมชันของทางฟิตเนสให้แก่ลูกค้าได้ การทำแบบนี้ จะเป็นการติดต่อลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ลูกค้ายังคงจดจำฟิตเนสของเราได้ หากวันหนึ่งเขามีความต้องการใช้บริการฟิตเนส ก็จะมีโอกาสสูง ที่เขาจะติดต่อกลับมาหาฟิตเนสของคุณ

[BONUS] การติดตามผลหลังการขาย และวัดประสิทธิภาพการขาย ผ่าน Dashboard

หนึ่งในสิ่งที่เจ้าของฟิตเนสมักมองข้ามคือ “การติดตามผลหลังการขาย” เพราะหลายครั้งที่ลูกค้าสมัครสมาชิกไปแล้ว แต่กลับหายเงียบ ไม่กลับมาเช็กอิน หรือไม่ได้เข้าคลาสอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่การสูญเสียรายได้ระยะยาว แต่ยังทำให้ต้นทุนต่อการได้ลูกค้า (CAC) สูงขึ้นโดยไม่จำเป็น ระบบบริหารจัดการฟิตเนสของ FitUP แก้ปัญหานี้ด้วย Dashboard การวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics Dashboard) ที่ช่วยให้คุณติดตามพฤติกรรมของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ ตั้งแต่วันแรกที่สมัครสมาชิก ไปจนถึงระยะเวลาการใช้งานจริง

สรุป การสร้างยอดขายอย่างเป็นระบบ เกิดจากระบบที่พร้อม

ในยุคที่ธุรกิจฟิตเนสเติบโตอย่างรวดเร็ว “ข้อมูล” และ “ระบบหลังบ้าน” คืออาวุธสำคัญที่จะทำให้คุณนำหน้าคู่แข่ง การมีระบบบริหารจัดการฟิตเนสที่ดี ช่วยให้คุณบริหารงานขาย จัดการสมาชิก และดูแลเทรนเนอร์ได้ครบในแพลตฟอร์มเดียว เพราะยอดขายที่ยั่งยืน เริ่มต้นจากระบบที่พร้อม

FitUP ระบบจัดการฟิตเนสครบวงจร ออกแบบเพื่อเจ้าของฟิตเนสไทย ทดลองใช้ระบบฟรี 1 เดือนเต็ม! ติดต่อเลยที่ LINE OA : @Fitupbusiness

logo
callmailfbline
Copyright © 2025 FitUP Sport Technology Co., Ltd.. All Rights Rereved